1. Long-Term Thinking : คิดระยะยาวให้มากขึ้น

  ไม่ว่าจะบริษัทเล็กหรือใหญ่ เราควรมองอนาคตให้ไกลมากขึ้น ที่มากยิ่งกว่าผลประกอบการ เพราะโลกในยุคสมัยนี้เปลี่ยนแปลงไว วิธีขายในอดีตที่เคยประสบความสำเร็จอาจจะจากไปไวกว่าที่คิด

  ทุกธุรกิจควรต้องเริ่มคุยกันให้มากขึ้นว่าอีก 2 ปี, 5 ปี หรือ 10 ปี จะต้องทำอย่างไรกับลูกค้า หรือสินค้ากับกลยุทธ์ทางธุรกิจของท่าน อธิเช่น รถไฟฟ้าที่มีการเติบโตได้ไวกว่าในอดีต ทำให้ปัจจุบัน รถที่ใช้น้ำมันได้มีจำนวนอัตราซื้อได้ลดลง ทำให้อุสาหกรรมรถยนต์ หรือ ชิ้นส่วนยานยนต์ต้องมีการคุยเรื่องกลยุทธ์กันอย่างมากเพื่อปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ แล้วเพราะเรื่องนี้ทำให้สามารถเป็นตัวชี้วัดธุรกิจของเราได้ทันที

  ยิ่งปัจจุบันเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้ เราจึงควรต้องหมั่นสังเกตการเปลี่ยนแปลงภายนอกที่เกิดขึ้น ไม่ว่าการเมือง, เศรษฐกิจ, สิ่งแวดล้อม, สังคม, กฏหมาย และจับประเด็น 2 เรื่องคือ เทรนด์+แนวโน้มการเปลี่ยนแปลง เพื่อเป็นตัวช่วยคาดการณ์ในอนาคต

  keyword สำคัญคือ Be Futuristic เตือนตัวเองว่าคุณเริ่มแล้วหรือยัง ?

2. Attention Economy : สร้างความสนใจดึงดูเป้าหมาย

  ในสมัยนึงธุรกิจหาเงินในรูปแบบเกษตรกรรม เพราะการมีน้ำทำให้เพาะปลูกได้และต่อมาได้มีเครื่องจักร ทำให้ก็ได้ที่มีเครื่องจักรก่อนได้เปรียบเพราะสามารถเก็บเกี่ยวได้ง่ายกว่า ไวกว่า เสียเวลาน้อยกว่า แต่ทุกวันนี้ธุรกิจไม่สามารถหาเงินในรูปแบบเดิมได้ เพราะมีเรื่องเวลาเข้ามาเกี่ยว เนื่องจากผู้บริโภคมีเวลาไม่พอในการสื่อสารกับธุรกิจ

  ดังนั้นใน 1 นาที ธุรกิจควรทำให้การสื่อสารสามารถส่งถึงผู้บริโภคให้ได้มากขึ้น คนที่จะประสบความสำเร็จคือคนที่ ได้รับความสนใจ (Attention) โดยลูกค้าที่เป็นเป้าหมายจะเห็นและรู้จักเราได้และกระตุ้นผู้คนให้เข้าถึงมากขึ้น ดังธุรกิจเครือเซ็นทรัล ที่ในอดีตที่แค่เพียงหาสินค้ามาวางในห้างเป้าหมายก็จะเดินเข้ามาซ้อ แต่ปัจจุบันเซ็นทรัลเริ่มสร้างความสนใจเช่น การนำเก้าอี้, โต๊ะ, ปลักไฟ, Wifi ฟรี หรืออีเว้นท์ต่างๆ หรือแม้กระทั่งการสร้างสื่อออนไลน์ เพื่อกระตุ้นความสนใจให้เป้าหมายมาที่ห้างมากขึ้น

  keyword สำคัญคือ Be Relevant อยู่เฉยไม่ได้ เพราะทุกคนมีเวลาน้อยลง สั้นลง จึงควรสร้างความสนใจและรักษาแฟนคลับเอาไว้ ไม่งั้นคุณเหนื่อยแน่ๆ ในการสร้างความสนใจใหม่

3. Climate Action : จริยธรรมของธุรกิจต่อผลกระทบโลก

  เราอาจเคยได้ยินบ่อยๆ ในเรื่องของ Net Zero แต่ว่าเรามาถึงในจุดที่ต้องทำสิ่งนี้แล้ว ดังนั้นอย่ามองว่าสิ่งๆ นี้เป็นภาระ เพราะสุดท้ายสภาพอากาศหรือสิ่งแวดล้อมของโลก จะกระทบกับทุกๆ อย่างที่เราทำ ไม่ว่าจะเป็น ลูกค้า และตลาดที่เรานั้นขายอยู่

  โดยอ้างอิงตัวไตรมาส 4 นี้ โดยล่าสุดมีน้ำท่วมหนักที่ฮ่องกง การรับมือนี้ได้ร่วมกับธุรกิจเกี่ยวกับ Climate Action ทำให้สามารถใช้ Innovation มาพัฒนา Product และ Service ได้อย่างดี เพราะเราต้องมีจริยะธรรมในการธุรกิจร่วมกับการรักโลกคู่ไปด้วย

  keyword สำคัญคือ Be a Good Citizen ทุนนิยมที่รักโลก ใช้ให้เหมาะสมและควรใช้แต่พอควร

4. Artificial intelligence : อย่ากลัวที่จะใช้ AI

  อย่ากลัวที่จะใช้ปัญญาประดิษฐ์ แต่ควรที่จะใช้มันให้เป็นประโยชน์ เพราะมันเป็นตัวช่วยจะให้คนเรานั้นสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และดีมากขึ้นไปอีก เทคโนโลยีนี้ช่วยสร้างคุณค่า และเพิ่มความเร็ว แถมลดต้นทุนได้ และเพื่อต่อยอดในการทำงาน ท่านต้องมี AI Strategy มาช่วยให้คนทำงานฉลาดขึ้น

  keyword สำคัญคือ Be Smart ถ้าท่านเป็น SME ต้องเป็น SME ที่ SMART ถ้าท่านเป็นองค์กร ท่านต้องเป็น Corporate SMART

5. Energy : สร้างความสัมพันธ์เพื่อสร้างแรงจูงใจ

  ทุกวันนี้ประชากรมีแต่จะลดปริมาณและคุณภาพลง ทำให้คนในองค์กรนั้นอ่อนแอลงมากดังนั้นเจ้าของธุรกิจควรต้องสร้าง Engagement ให้เกิดขึ้นในบริษัท ให้ทีมงานนั้นอิน ผูกพัน และรู้สึกมีส่วนร่วมในองค์กร ดังหัวข้อนี้

Growth : สร้างโอกาสการเติบโต มีตำแหน่งเติบโตข้างหน้า

Relationship : ความน่าอยู่ในองค์กระ ให้ไม่มีการเกิด Toxic

Autonomy : ให้มีอำนาจในการตัดสินใจสามารถดำเนินการได้เองโดยไม่มีคนสั่ง

Security : ความปลอดภัย ที่จะทำให้กล้านำเสนอไอเดีย กล้าผิดได้ ล้มได้ ไม่มีใครเหยียบซ้ำ

Fairness : ต้องยุติธรรมในการทำงาน แฟร์ทุกๆ ความสัมพันธ์

Well-Being : การมีสุขภาพที่ดี มีชีวิตที่ดีในการทำงาน

  keyword สำคัญคือ Be Human เราไม่ใช่เครื่องจักอีกต่อไป ให้พวกเขาสามารถสร้างอนาคต ดูแลเหมือนเพื่อนๆ หรือคนในครอบครัว มองเห็นความสำคัญของทีมงานเรา โดยตั้งคำถามว่าเราดูแลพวกเขามากพอหรือยัง?

รับใบเสนอราคา/สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

TOPSPEECHจับมือทำ จัดระบบธุรกิจ